วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

YLG : วิเคราะห์ราคาทองคำ โดย วายแอลจีฯ (24-12-14 | 09:30)

YLG : วิเคราะห์ราคาทองคำ โดย วายแอลจีฯ (24-12-14 | 09:30)



คำแนะนำ
รอดูการตั้งฐานในโซน $1,160 หรือ $1,150 เพื่อเลือกเป็นจุดเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ ทั้งนี้จำเป็นต้องพิจารณาค่าเงินบาทประกอบการลงทุน

ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากดัชนีดอลลาร์(Dollar index)ได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปีอย่างต่อเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งขึ้น โดยวานนี้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส3/2557 ออกมาถึง 5% ขณะที่ครั้งก่อนหน้าอยู่ที่ 3.9% ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปียิ่งสนับสนุนความเชื่อมั่นดังกล่าว และกลับมากดดันราคาทองคำ นอกจากนี้กองทุน SPDR ได้เริ่มลดการถือครองทองคำอีกครั้ง โดยวานนี้ได้ลดการถือครองลงถึง 11.65 ตัน แสดงถึงมุมมองที่ไม่สดใสนักในตลาดทองคำ สำหรับวันนี้นักลงทุนควรติดตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ

ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำ ยังคงมีแรงขายกดดันให้ลงมาตั้งฐานใหม่ โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,150-1,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่เนื่องจาก volume ที่เบาบางจากการเข้าใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดของต่างประเทศ ทำให้ราคาทองคำอาจปรับตัวไม่มากนัก โดยมีแนวต้านระยะสั้นๆที่ 1,183 และแนวต้านสำคัญที่ 1,195 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน
เก็งกำไรระยะสั้นๆเนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลวันหยุดของสหรัฐฯ โดยจำเป็นต้องรอดูการตั้งฐานในบริเวณ 1,150-1,560 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อพิจารณาเปิดสถานะซื้อ

ข่าวสารประกอบการลงทุน
(-)สหรัฐปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 3/2557 เป็น 5.0% กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาสที่ 3 ปี 2557 เป็น 5.0% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่าทศวรรษ จากระดับ 3.9% ที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคธุรกิจ ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ระดับ 4.3% ในไตรมาสดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการมาจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่งของการลงทุนนอกภาคอสังหาริมทรัพย์ การใช้จ่ายของภาคธุรกิจ และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบริการ เช่น การดูแลรักษาสุขภาพ
(-)สหรัฐเผยรายได้-การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเผยการใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐขยายตัวในอัตราที่เร็วขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่า การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันและความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นได้กระตุ้นให้ภาคครัวเรือนเลือกซื้อสินค้าและใช้บริการเพิ่มขึ้น รายงานของกระทรวงระบุว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคล ซึ่งเป็นมาตรวัดในวงกว้างนับตั้งแต่การซื้อสมาร์ทโฟนไปจนถึงการไปพบแพทย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. ส่วนรายได้ส่วนบุคคล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงรายได้จากค่าจ้าง การลงทุน และเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ปรับตัวขึ้น 0.4% ในขณะที่รายได้ที่แท้จริง ซึ่งเป็นตัวเลขหลังการปรับค่าอัตราเงินเฟ้อและภาษีแล้วเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย.
(-)สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 93.6 ในเดือนธ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐของรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปีในช่วงท้ายเดือนธ.ค. อันเนื่องมาจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันและแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นของค่าจ้าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจากรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวขึ้นแตะ 93.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2550 จากระดับ 88.8 ในเดือนพ.ย. แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าผลการประเมินในเบื้องต้นที่ระดับ 93.8 ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 93.5 ริชาร์ด เคอร์ติน ผู้อำนวยการฝ่ายการสำรวจความเห็นกล่าวว่า “ผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐมากที่สุดในรอบทศวรรษ และที่สำคัญ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงานและค่าจ้างในปี 2557 มีการกระจายในทุกกลุ่มประชากร"
(+)สหรัฐเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งส่งสัญญาณว่า ภาคธุรกิจได้ปรับลดระดับการลงทุนลงในช่วงท้ายปี รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปหดตัวลง 0.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3% ในเดือนดังกล่าวทั้งนี้ การปรับตัวลงลดของยอดสั่งซื้อในเดือนพ.ย.ยังทำสถิติปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ซึ่งส่งสัญญาณถึงความไม่ต่อเนื่องของกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัวในปีนี้ หลังการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งของภาคธุรกิจช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวในอัตราที่เร็วขึ้นในช่วงต้นปีนี้
(+)สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. ซึ่งส่งสัญญาณถึงความเปราะบางของการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย รายงานของกระทรงพาณิชย์ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่หดตัวลง 1.6% ที่ระดับ 438,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. จากระดับ 445,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่า ยอดขายบ้านใหม่จะปรับตัวขึ้นแตะ 460,000 ยูนิตในเดือนพ.ย. สำหรับการเปรียบเทียบเป็นรายปี ยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลดลง 1.6% จากเดือนพ.ย.ของปี 2556 ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่มีสัดส่วนประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมดในตลาดที่อยู่อาศัย