วิเคราะห์ราคาทองคำ โดย คลาสสิกโกลด์ฯ CGF (26-11-14 | 09:27)
Key Factors
• Gold ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 3.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,200.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำสามารถปรับขึ้นได้ในช่วงท้ายตลาดเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมาที่ระดับ 88.7 จาก 94.5 ในเดือนก่อน ส่วนตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 3 ออกมาที่3.9% สูงกว่าคาดทำให้ราคาทองคำในช่วงเปิดตลาดในนิวยอร์คปรับตัวลดลงแต่ปิดตลาดปรับบวกขึ้นได้ สำหรับในสัปดาห์นี้จะมีวันหยุด Thanksgiving day ในวันพฤหัส ในขณะที่นักลงทุนรอฟังผลการลงประชามติในสวิตเซอร์แลนด์ในวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย.นี้ โดยเป็นการลงประชามติเพื่อไม่ให้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ระบายทองคำออก อีกทั้งจะบังคับให้ SNB ต้องถือครองทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายใน 5 ปี จากที่ปัจจุบันถืออยู่ประมาณ 8% รวมถึงการประชุมกลุ่มโอเปกในวันพฤหัสบดีว่ากลุ่มโอเปกจะลดปริมาณการผลิตลงหรือไม่
• ดัชนีดาวโจนส์ ปิดลบ 2.96 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนโดยตัวเลข GDP ที่ออกมาดีกว่าคาดช่วยหนุนดัชนีในช่วงแรก ตาตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงในช่วงท้ายตลาด
• USD/THB ปิดที่ 32.77 บาทต่อUSD แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและเงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อ BOJ บ่งชี้ว่ามีอูปสรรคที่จะใช้ QE เพิ่มเติม
• Oil ราคาน้ำมันดิบ Nymex ดิ่งลง 2.23% ปิดที่ 74.09 USDต่อบาร์เรล ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ในขณะที่การประชุมระหว่างซาอุดิอารเบีย รัสเซ๊ย เวเนซุเอลา และเม๊กซิโก ไม่ส่งผลให้มีบรรลุข้อตกลงให้ลดการผลิตน้ำมัน
Market Movement
• Gold ราคาทองคำปิดที่ 1,200.69 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,190.30 – 1,202.90 เช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,199 USDต่อออนซ์ คาดว่าจะมีแนวรับบริเวณ 1,190/1,180 แนวต้านบริเวณ 1,210/1,215
• USD/THB ปิดที่ 32.77 บาทต่อUSD เช้านี้อยู่ที่บริเวณ 32.72 บาทต่อUSD วันนี้ให้แนวต้านบริเวณ 32.9/33.0 ให้แนวรับบริเวณ 32.7/32.5
• ICE Brent ปิดที่ 78.17 USDต่อบาร์เรล วันนี้ให้แนวต้านบริเวณ 80.0/81.7 และให้แนวรับบริเวณ 77.6/76.0
Recommendations
ระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,100 – 1,200 แนะนำ Trading Short
ระยะกลาง : อยู่ในกรอบ 1,000 –1,300 Trading Short
ระยะยาว : อยู่ในกรอบ 970 – 1,400 รอสะสม Long บริเวณ 970
Technical Commentary
• ภาพกราฟทางเทคนิค ราคาทองคำราย 240 นาที แกว่ง side way ออกทางด้านข้าง โดยมีแนวต้านบริเวณเส้น MA 400 ใกล้ 1,210 และแนวรับบริเวณเส้น MA 100 ใกล้ 1,180 MACD และ RSI เริ่มส่งสัญญาณ bearish divergence หากยืนบริเวณ 1,190 ไม่ได้คาดว่าจะปรับตัวลดลง
• Strategy : แนะนำ Trading ในกรอบแนวรับ แนวต้าน แต่ถ้าหลุด 1,180 ให้ follow short
• ใกล้หมดสัญญา GFZ14 แล้ว ควรเปลี่ยนเป็น GFG15
Key Point
Positive View( + )
• นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก
• ความต้องการทองคำในตลาด Physical
• อินเดียเริ่มผ่อนคลายมาตรการนำเข้าทองคำ
Negative View( - )
• Fed ยุติมาตรการ QE นักลงทุนกังวลว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
• ECB พร้อมใช้มาตรการ QE ซื้อพันธบัตร ABS
• ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
• การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้
USD/THB
เงินบาทในกราฟรายวัน trading อยู่บริเวณแนวต้านที่ 32.9 ตราบใดที่ยังไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าวยังแนะนำให้ trading ในกรอบ
ให้แนวต้านบริเวณ 32.9 / 33.0
ให้แนวรับบริเวณ 32.7 / 32.5
Strategy: trading ในกรอบ
Exclusive News
เศรษฐกิจโลก องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ(OECD) คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวปานกลางในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยจะขยายตัว 3.3% ในปีนี้ 3.7% ในปีหน้า และ 3.9% ในปี 2559 แต่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยระยะยาวที่ 4.0% และเตือนถึงความเสี่ยงสูงจากตลาดการเงินที่ผันผวนและการว่างงานในยูโรโซน ทั้งนี้ ในปีหน้าคาดว่า สหรัฐจะขยายตัวดีขึ้นเป็น 3.1% ขณะที่อังกฤษจะขยายตัว 2.7% แต่การหยุดนิ่งของยูโรโซน เนื่องจากหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง ภาวะสินเชื่อตึงตัว การว่างงานอยู่ในระดับสูง และเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย กำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่า ยูโรโซนจะขยายตัว 0.8% ในปีนี้ 1.1% ในปีหน้า และ 1.7% ในปี 2559 ส่วนญี่ปุ่นคาดว่า จะขยายตัว 0.4% ในปีนี้ 0.8% ในปีหน้า และ 1.0% ในปี 2559 เนื่องจากการผ่อนคลายการเงินและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่จีนจะชะลอตัวลงแตะ 7.3% ในปีนี้ และ 7.1% ในปีหน้า และเศรษฐกิจในอินเดีย อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ จะฟื้นตัว แต่รัสเซียและบราซิลจะยังคงอ่อนแรง
เศรษฐกิจโลก ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจทั่วโลกปรับตัวลดลงในเดือน ต.ค.สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โดยการจ้างงานและการลงทุนของภาคธุรกิจต่างก็ปรับตัวลง ส่วนแนวโน้มกิจกรรมในอนาคตของภาคธุรกิจก็ทรุดหนักที่สุดในรอบ 5 ปี ด้านหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Markit กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก เนื่องจากภาคธุรกิจเริ่มมีมุมมองที่เป็นลบจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้แก่ เศรษฐกิจโลกที่แย่ลง, การเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกรอบของยูโรโซน, แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ และความเสี่ยงทางการเมืองในยุโรปไปจนถึงตะวันออกกลาง นอกจากนี้ มุมมองที่เป็นบวกของภาคธุรกิจในตลาดเกิดใหม่ของกลุ่ม BRIC ได้ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เช่นกัน
เศรษฐกิจสหรัฐ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP) ขยายตัว 3.9% ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการปรับทบทวนขึ้นจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ 3.5% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการบริโภคส่วนบุคคลที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 2.2% ทั้งนี้ GDP ขยายตัว 4.6% ในไตรมาส 2 และหดตัว 2.1% ในไตรมาสแรก
เศรษฐกิจยุโรป ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) ของเยอรมนี ปรับตัวขึ้น 0.1% ในไตรมาส 3 สอดคล้องกับการประเมินเบื้องต้น หลังจากหดตัวลง 0.1% ในไตรมาส 2 และหากเทียบรายปี GDP ในไตรมาส 3 ขยายตัว 1.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากข้อมูลเบื้องต้น
เศรษฐกิจยุโรป องค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) คาดว่า กรีซจะเผชิญวิกฤติว่างงานนานถึง 20 ปี หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจมานาน 6 ปีแล้ว ทำให้กำลังเผชิญกับวิกฤติทางสังคมจากปัญหาการว่างงานที่ยืดเยื้อ ซึ่งอาจจะกินเวลาถึง 20 ปี หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้ มีคนลงทะเบียนว่างงานในกรีซกว่า 1.2 ล้านคน หรือ 25.9% ของแรงงานทั้งหมด และแม้ว่ารัฐบาลกรีซเคยประกาศว่า จะหลุดจากภาวะถดถอยในปีนี้ แต่ ILO มองว่า กรีซอาจต้องใช้เวลาฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนานถึง 13 ปี
ตลาดน้ำมัน รัฐบาลรัสเซียมีแผนจะสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมันโลกด้วยการเข้าควบคุมกำลังการผลิตไม่ให้เกิน 525 ล้านตันต่อปี โดยรัฐมนตรีพลังงานชี้ว่า สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) จำนวนหลายรายมีการขยายกำลังการผลิตเกินโควตาของตน และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่กลุ่ม OPEC จะปรับลดกำลังผลิต ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังเผยว่า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่ร่วงลง ได้สร้างความเสียหายแก่รัสเซียถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี