ต่างประเทศ
• ก.พาณิชย์สหรัฐ รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% (ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเป็น 0.8% และต่ำกว่าเดือน พ.ค.ที่เป็น 0.5%) ซึ่งแม้จะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ด้านพลังงานและรถยนต์ที่แข็งแกร่ง แต่อุปสงค์ด้านวัสดุก่อสร้าง ร้านค้า และร้านอาหาร กลับชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วน ถึง 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐ และอาจส่งผลต่อแผนการของ FED ที่จะเริ่มลดขนาด QE ภายในปีนี้ –USD,+ทอง
• สนง.สถิติแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2 ของจีนขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 7.7% ทำให้ GDP ในครึ่งปีแรกขยายตัว 7.6% โดยมีมูลค่า 24.8 ล้านล้านหยวน หรือ 4 ล้านล้านดอลลาร์
• สนง.สถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า จีนยังจำเป็นต้องควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ต่อไป หลังจากราคาบ้านในเมืองส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก ไชน่า เรียล เอสเตท อินเด็กซ์ ซิสเต็ม ระบุว่า ราคาบ้านใน 100 เมืองของจีนในเดือน มิ.ย.พุ่งขึ้น 7.4% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือน พ.ค. นอกจากนี้ ยอดขายบ้านในจีนยังเพิ่มขึ้น 24% ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายเดือนในปีนี้เช่นกัน แม้ว่ารัฐบาลจีนจะได้ใช้มาตรการเพื่อควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์แล้วก็ตาม
• โจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่า ธ.กลางจีน เปิดเผยว่า ธ.กลาง จะยังคงดำเนินนโยบายด้านการเงินอย่างระมัดระวัง และเตรียมเพิ่มแรงจูงใจและจะช่วยสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่าง ยั่งยืนต่อไป
• นายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฮอยของสเปน ปฏิเสธที่จะลาออกจากตำแหน่ง แม้มีแรงกดดันมากขึ้น อันเนื่องมาจากข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการระดมเงินที่ผิดกฎหมายในพรรครัฐบาล
• กองทุน SPDR ถือครองทองคำ 939.07 / 16 ก.ค. 2013 (ไม่เปลี่ยนแปลง)
• ธนาคารกลางเกาหลีใต้ กว้านซื้อทองคำจากตลาดโลกมาถือครองเพิ่มเติมในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จนมีทองคำสำรองในความครอบครองเป็นอันดับที่ 34 ของโลก สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ +ทอง ( รายงานเมื่อ 09/July/2013)
ในประเทศ
• SET Index ปิดที่ 1,455.40 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด หรือ +0.12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 39,366 ล้านบาท โดยดัชนีภาคเช้าดีดตัวขึ้นตอนเปิดตลาดตามภูมิภาค หลังจากที่จีนประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 7.5% ตามคาด หลังจากนั้นก็เกิดแรงขายทำกำไรออกมา และแกว่งตัวในกรอบแคบด้วยมูลค่าซื้อขายที่เบาบางตลอดวัน กลุ่มที่หนุนตลาดขึ้นคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มไอซีที ที่เพิ่มขึ้น 1.1% และ 1.89% ตามลำดับ ในขณะที่กลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีเผชิญกับแรงขายจากความกังวลต่อ เศรษฐกิจจีน โดยลดลง -0.95% และ -1.65% ตามลำดับ
• ก.คลัง เปิดเผยว่า รายได้สุทธิของรัฐบาลช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 (ต.ค.55-มิ.ย.56) อยู่ที่ 1,616,683 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 1,534,685 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.3 การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ทำได้สูงกว่าเป้าหมาย สะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศ รายได้ภาคครัวเรือน และผลประกอบการของภาคธุรกิจพลังงานที่ขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้รัฐบาลในเดือนมิ.ย.56 เป็น 181,377 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการร้อยละ 2 ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าที่ชะลอตัวลง สอดคล้องกับอากรขาเข้ารวมถึงภาษีเงินได้นิติบุคคลที่จัดเก็บได้ต่ำกว่า ประมาณการเนื่องจากเหตุอุทกภัย ส่งผลให้ภาคธุรกิจยื่นชำระภาษีกำไรสุทธิประจำปี 2555 ต่ำกว่าประมาณการ
• ธปท. และ ธ.กลางฮ่องกง ร่วมมือพัฒนาการเชื่อมโยงระบบบาทเนตของไทยกับระบบ US Dollar Clearing House Automated Transfer System (USD CHATS) ของฮ่องกง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการชำระดุลธุรกรรมซื้อขายเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ ทำให้คู่สัญญาได้รับเงินตราต่างประเทศที่ทำการซื้อขายในเวลาเดียวกัน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกับความปลอดภัยให้กับธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่าง ประเทศระหว่างเงินบาทและเงินดอลลาร์ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 85% ของปริมาณธุรกรรมซื้อขายในประเทศ รวมทั้งจะช่วยรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการค้าภายใต้การเปิดประชาคม เศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 อีกด้วย
• สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)
นักลงทุนสถาบัน -4,419.17
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ +1,606.24
นักลงทุนต่างชาติ +424.56
นักลงทุนทั่วไป +2,388.36
Technical and Fundamental
ราคาทองคำปิดบวกเมื่อวานนี้ (15 ก.ค. 2556) โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังจากที่ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
ราคาทองร่วงลงก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น หลังจากดอลลาร์ชะลอแรงบวก อันเนื่องมาจากข้อมูลค้าปลีกที่น่าผิดหวัง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.8% และชะลอลงหลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค.
ข้อมูลค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งได้ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าจะเริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและพฤหัสบดีนี้ ซึ่งเราคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการเริ่มชะลอนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด
ทาง Ausiris มองราคาทองคำในวันนี้ว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ราคา 1300/1305 ได้ อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าราคามีโอกาสผันผวนได้ในระหว่างวัน โดยเรายังคงมองแนวรับสำคัญที่ 1269-1275 ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะแก่การซื้อสะสม โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรฝั่งซื้อที่1300-1305
Trading ($/oz)
กรอบ 1265 – 1311
แนวต้าน 1292 1300 1305 1311
แนวรับ 1275 1269 1262
Strategy
ไม่มีสถานะ...
Intraday : “แนวต้านสำคัญ 1300/1305 / ย่อแล้วซื้อ”
- รับความผันผวนได้/ย่อแล้วซื้อ Cut loss 1269
เมื่อราคาขึ้นไปที่แนวต้าน 1300-1305 ค่อยตัดกำไรแล้วสลับเป็นขาย
- มือเปล่า/ย่อแล้วซื้อ Cut loss 1269
- กลับกันหากราคายืน 1300 ได้ โดยที่ไม่ย่อลงมา สามารถลงทุนฝั่งซื้อตามแนวโน้มได้
Trend Trade: “ระยะยาวยังเป็นขาลง/ระยะกลางขึ้น / ระยะสั้นๆ อาจย่อแล้วรีบาวด์ต่อ”
- ถือซื้อต่อ เป้าหมายแรก 1300-1305
- ตัดกำไรฝั่งซื้อออก บางส่วน
- หากราคาย่อลง แล้วไม่ต่ำกว่า 1269 สามารถซื้อสะสมได้ต่อเนื่อง