Home
วิเคราะห์ราคาทองคำ
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและโลหะมีค่า วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำและโลหะมีค่า วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 โดยบริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)
ราคาทองคำเปิดตลาดเอเชียที่ 1,363 USDต่อออนซ์ ระหว่างวันมีการแกว่งตัวขึ้น 1,357–1,392 USDต่อออนซ์ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ ประธาน Fed แถลงยืนยันยังคงมาตรการ QE ต่อไปเช่นเดิม โดยเห็นว่าการยุติมาตรการเร็วเกินไปจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ แต่ก็พร้อมจะปรับลดขนาดวงเงินทันทีที่เศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานในประเทศแสดงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง เนื่องจากกรรมการบางท่านยืนยันว่าควรปรับลดโครงการในการประชุม FOMC วันที่ 18-19 มิ.ย. ส่งผลให้ตลาดค่อนข้างสับสนว่ามาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อใดกันแน่ ราคาทองคำจึงสวิงในลักษณะที่ผันผวนแรงอย่างไร้ทิศทาง อย่างไรก็ตาม การดิ่งลงของตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพักฐาน และทำให้มีแรงซื้อระยะสั้นเข้าสู่ตลาดโลหะมีค่า พยุงให้ราคาทรงตัวได้
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) รวมภาคบริการและการผลิตของยูโรโซนในเดือน พ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.7 จาก 46.9 ในเดือน เม.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 47.2 แต่ยังต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมในภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)เบื้องต้นของเยอรมนีในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นแตะ 49.9 จากระดับ 49.2 ในเดือน เม.ย. แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของเยอรมนียังอยู่ในภาวะหดตัว โดยดัชนี PMI ภาคบริการปรับตัวขึ้นแตะ 49.8 จากระดับ 49.6 ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิต เพิ่มขึ้นแตะ 49.0 จากระดับ 48.1
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี พุ่งแรงแตะ 1% เป็นครั้งแรกในรอบปี จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)จะควบคุมการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)ต้องอัดฉีดเงิน 2 ล้านล้านเยน หรือ 1.94 หมื่นล้านดอลลาร์ เข้าสู่ระบบการเงินเพื่อสกัดการผันผวนในตลาด
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)เบื้องต้นในภาคการผลิตของจีนเดือน พ.ค.ร่วงลงแตะระดับ 49.6 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ที่ดัชนีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลง ส่วนยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิต ดัชนีการส่งออกในภาคการผลิต และดัชนีการจ้างงานในภาคการผลิต ต่างหดตัวลง เนื่องจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ทั้งภายในและต่างประเทศเป็นสาเหตุหลักที่ฉุดดัชนี PMI หดตัวลง และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ HSBC ระบุว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะอยู่ในภาวะขาลงในไตรมาส 2 ปีนี้ ซึ่งจีนจำเป็นต้องให้ความสนใจกับดัชนีการจ้างงานที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลยังคงเผชิญกับทางเลือกไม่มากนักในการใช้นโยบายการคลังเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
คณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปแห่งชาติของจีน(NDRC) ประกาศปรับลดราคาค่าไฟสำหรับธุรกิจทุกประเภทในการผลิตภาคเกษตรกรรมและโลจิสติกส์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ทำให้ผู้ผลิตเนื้อหมูและผักผลไม้จะจ่ายค่าไฟราคาเดียวกับธุรกิจการผลิตด้านเกษตรกรรมอื่น ๆ ที่ได้ประโยชน์นี้ แต่ธุรกิจขายส่งสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์จากฟาร์ม รวมถึงธุรกิจคลังสินค้าแช่แข็ง จะต้องเสียค่าไฟฟ้าในอัตราเดียวกับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรม ทั้งนี้ คาดว่าการปรับลดค่าไฟจะช่วยประหยัดเงินถึง 500 ล้านหยวน (80.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
บล.UBS (ประเทศจีน) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2556 ลงเหลือขยายตัว 7.7% จากเดิมประเมินไว้ที่ 8% และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2557 เหลือขยายตัว 7.8% เนื่องจากค่าแรงมีอัตราขยายตัวลดลงในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่การบริโภคยังคงอ่อนแอจากนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาล และการปล่อยสินเชื่อเครดิตที่คึกคักกลับไม่สามารถหนุนกิจกรรมการลงทุนได้อย่างที่คาดไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจจีน แรงกดดันทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น และปัญหากำลังผลิตส่วนเกิน ทั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลจีนจะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อไป และคาดว่าจีนจะไม่ผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม อาทิ การปรับลดดอกเบี้ยหรือสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR) และคาดว่าจะยังไม่เพิ่มความเข้มงวดในตลาดอสังหาริมทรัพย์หรือนโยบายสินเชื่อเครดิต
ยอดการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของเกาหลีใต้ร่วงลง 38.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้ แตะ 7.03 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วได้เพิ่มการลงทุนในโครงการต่างประเทศด้วยต้นทุนในการระดมทุนที่ต่ำลงจากนโยบายการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) โดยเมื่อเทียบเป็นรายภูมิภาคแล้ว การลงทุนโดยตรงในอเมริกาเหนือลดลง 44.2% เนื่องจากยอดการลงทุนในโครงการพัฒนาน้ำมันและแก็สในภูมิภาคลดลง ส่วนการลงทุนในเขตโอเชียเนียและเอเชียร่วงลง 40% และ 90.1% ตามลำดับ ขณะที่การลงทุนในยุโรปเพิ่มขึ้น 47.4%
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- 19:30 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน รายสัปดาห์ – ตัวเลขในระดับต่ำกว่า 4 แสนราย แสดงถึงภาวะที่ดีขึ้นของการจ้างงานในสหรัฐ สอดคล้องกับอัตราการว่างงานที่ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ 7.5% อย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐดีขึ้นมาก แต่เป้าหมาย 6.5% ที่ Fed คาดหวังไว้ ยังคงต้องให้ตัวเลขรายสัปดาห์ทรงตัวต่ำกว่าระดับ 3 แสนราย เสียก่อน หากในคืนนี้ประกาศตัวเลขออกมาระหว่าง 3.0-3.5 แสนราย ซึ่งต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน จะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำทันที แต่หากประกาศยอดในช่วง 3.5-4.0 แสนราย จะส่งผลบวกสั้น ๆ
- 20:00 ดัชนี PMI ภาคการผลิต (เบื้องต้น) เดือน พ.ค. โดย Markit – ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ที่บริษัทบริการข้อมูลทางธุรกิจ Markit รวบรวมมา โดยเป็นการสอบถามมุมมองโดยรอบต่อการประกอบการ ทั้งภาวะการจ้างงาน, การใช้กำลังการผลิต, สต๊อคสินค้า, ยอดคำสั่งซื้อ, การตั้งราคาขาย ฯลฯ ซึ่งผลสรุปดังกล่าวจะชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจคร่าว ๆ จากผู้ประกอบการทั่วประเทศ แต่เนื่องจากเป็นชุดข้อมูลที่เพิ่งได้รับการเผยแพร่ จึงทำให้ยังไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก และตัวเลขที่ลดลง แม้จะอยู่เหนือระดับ 50 จะส่งผลบวกเล็กน้อย
- 21:00 ดัชนีราคาที่อยู่อาศัย เดือน มี.ค. – ระดับราคาซื้อขายโดยเฉลี่ยทั่วประเทศของบ้านที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อจำนอง ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้พิจารณาประกอบกับดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขต 20 เมืองใหญ่ ของ S&P/CS ได้ แต่เมื่อเทียบกับราคาทองคำแล้ว การประกาศในระดับบวกหรือลบไม่เกิน 1.5% มักไม่มีผลกระทบ
- 21:00 ยอดขายบ้านใหม่ เดือน เม.ย. – ยอดขายสามารถทรงตัวเหนือระดับ 4 แสนหลัง/เดือน ได้ 3 เดือนติดต่อกัน และการคาดการณ์ในคืนนี้ยังคงอยู่เกินระดับดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงระดับความเชื่อมั่นที่ดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งนี้ การประกาศตัวเลขในระดับ 4.0-4.5 แสน จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ และหากเกิน 4.5 แสน จะทำให้ราคาทองคำร่วงแรงทันที ในทางตรงกันข้าม หากประกาศในระดับ 3.5-4.0 แสน จะส่งผลบวก
Technical Analysis:
ทองคำ ราคาปรับตัวขึ้นได้แรงในช่วงกลางวัน ทำให้ macd และ rsi ในกราฟราย 1 ชม. พลิกกลับเป็นแนวโน้มทางบวก แต่การเข้าใกล้เขต overbought อาจทำให้ราคาอ่อนตัวได้ และการหมดปัจจัยชี้นำหลังทราบผลการแถลงของ Fed เมื่อคืนนี้แล้ว จึงคาดว่าราคาจะแกว่งตัวระหว่าง 1,350–1,400 รอข่าวใหม่ในสัปดาห์หน้า ให้แนวต้านบริเวณ 1,398/1,411 ให้แนวรับบริเวณ 1,371/1,358 แนะนำให้ trading ในกรอบแนวรับแนวต้าน
โลหะเงิน ราคาอ่อนแรงลง แต่ยังไม่หลุดบริเวณ 22 ขณะที่ rsi ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน จึงคาดว่าราคาจะสวิงผันผวนในกรอบ 21–23 ให้แนวต้านบริเวณ 23.1/23.5 ให้แนวรับบริเวณ 20.9/19.8 แนะนำให้ trading ในกรอบแนวรับแนวต้าน
ที่มา .goldtraders.or.th
Share this
Recommended
Trending
Label
การลงทุนในทองคำ
ข่าว
คลาสสิกโกลด์ฯ
เงินบาท
ดวง
ดูดวงชะตารายวัน
ทองคำ
ทองคำวันนี้
ทองปลอม
ทิศทางราคาทองคำประจำวัน
ราคาทองคำ
ราคาทองคำวันนี้
รายงานวิจัยศูนย์วิจัยทองคำประจำเดือ
วายแอลจีฯ
วิเคราะห์ราคาทองคำ
เศรษฐกิจ
สรุปภาวะซื้อขายทองคำ-อนุพันธ์
สินค้า
ออสสิริสฯ
เอ็มทีเอส โกลด์ฯ
ฮั่วเซ่งเฮงฯ
cost
covid19
Features
Gold
Gold Cost
Gold Cost ราคาทองคำ
goldspot
MTS
news
SCB Easy Application_TH