วันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

วิธีการลงทุนในทองคำ

การลงทุนในทองคำ

เป็นกระแสที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความนิยมเป็นอย่างมาก โดยนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ด้วยเหตุผลที่มีอย่างมากมายที่สามารถดึงดูดนักลงทุน เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาทองคำตามสถิติตั้งแต่ปี 2001 ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 150% ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากกำลังการผลิตที่ลดลง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องใน ช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าขณะนี้ราคาทองจะปรับตัวลดลงก็ตาม ความนิยมในการลงทุนก็มิได้ลดน้อยลงเลย บทความนี้ก็อยากจะพูดทั้ง 2 มุมมองของการลงทุนในทองคำไม่ว่าทางตรงโดยการซื้อทองคำแท่งเอง และการลงทุนโดยอาศัยความชำนาญของผู้บริหารกองทุน


1. การลงทุนโดยตรง

นักลงทุนส่วนใหญ่แล้วจะนิยมซื้อทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณมาเก็บไว้ ช่วงที่ผ่านมาราคาขึ้นแรงๆ คนก็เอาไปขาย บางช่วงที่ราคาปรับลดลง คนก็ไปซื้อเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร การที่นักลงทุนจะตัดสินใจซื้อหรือขายนั้น ผมอยากแนะนำให้ท่านได้ติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำด้วย เช่น ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองปรับตัวสูงขึ้นเพราะอะไร เราก็ต้องไปดูและศึกษาว่า Demand และ Supply นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าหรือราคาจริงของทองคำไหม หรือเป็นเพราะเกิดจากการเก็งกำไรของ Hedge Fund อย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ตัวอย่างที่ผ่านมาสำหรับสถานการณ์การซื้อขายทองคำในช่วงสงกรานต์ จะเห็นได้ว่าความต้องการซื้อทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นตามด้ว

อย่างไรก็ดี การลงทุนในทองคำก็ถือเป็นการลงทุนที่ใช้ในการลดผลกระทบจากเงินเฟ้อได้ เนื่องจากถ้าเรามองราคาทองคำระยะยาวแล้ว ทองคำก็ยังคงมีมูลค่าสูงอยู่ดี แม้ปรับลดด้วยอัตราเงินเฟ้อแล้วก็ตาม

2. การลงทุนผ่านกองทุนรวม

ซึ่งถือเป็นการอาศัยความเชี่ยวชาญของ บลจ. ต่างๆ ซึ่งเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ เช่น TMB Gold Fund, ING Golden Star link, BT FIF Golden link เป็นต้น อย่างที่เราทราบกันดี การลงทุนในกองทุนรวมมีขั้นตอนในการตัดสินใจพิจารณาหามูลค่าของการลงทุนนั้นๆ ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขาย โดยกลยุทธ์การซื้อขายของกองทุนเท่าที่ผมเข้าใจ จะใช้การบริหารเชิงรับ (Passive Investment Strategy) โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศอีกที ฉะนั้นการลงทุนประเภทนี้ก็ถือเป็นกองทุน FIF อย่างหนึ่ง ถ้าถามว่าปัจจัยใดที่มีผลกระทบต่อเงินลงทุนของกองทุนประเภทนี้ คำตอบคือความผันผวนของราคาทองคำ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ความเสี่ยงด้วยกัน

1) ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาทองคำ (Price Risk)

หมายถึงโอกาสที่ราคาทองในตลาดโลกจะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดต่ำลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือระยะยาวในบางครั้ง เช่น ในช่วงที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ขายเงินทุนสำรองที่เก็บในทองคำออกมาในตลาด จนทำให้ราคาทองในตลาดโลกลดต่ำลง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกองทุน เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนมีการเปลี่ยนแปลงตามราคาทองในตลาดโลก ดังนั้นหากราคาทองในตลาดโลกลดลงจะส่งผลทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนลดลงได้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำมีความเป็นอิสระจากการเปลี่ยนแปลงจากการลงทุนการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติย้อนหลังที่ทำการศึกษาทั้งในและต่างประเทศแสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนของทองคำมีค่าความสัมพันธ์กับผลตอบแทนจากการลงทุนในสภาวะที่คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้มีแนวโน้มลดลง

2) ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk)

ความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างประเทศอื่น กล่าวคือ หากค่าเงินบาทมีค่าแข็งขึ้นจากวันที่กองทุนเข้าลงทุนเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ที่เข้าลงทุนนั้น (เช่น จาก 33 บาท ต่อ1ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 31 บาท) จะทำให้กองทุนได้รับดอกเบี้ยตามงวดและ/หรือเงินต้นเมื่อครบกำหนดของตราสารเป็นเงินบาทในจำนวนที่น้อยลง ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนของการลงทุนต่ำกว่าที่คาดไว้ ในทางกลับกัน หากค่าเงินบาทมีค่าอ่อนลง (เช่น จาก 33 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 35 บาท) จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเมื่อคำนวณเป็นสกุลเงินบาทมากขึ้น

3. การลงทุนแบบ Gold Future

คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้าในตลาดภายในประเทศไทย เป็นเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ เป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับลงทุนได้ ตามความคาดการณ์ที่มีต่อราคาทองคำได้ทั้งในภาวะราคาทองขาขึ้น และราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถ ขายก่อนซื้อได้ หรือซื้อก่อนขายได้ และใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อทองแท่งจริง Gold Futures จึงเป็นทางเลือกที่ น่าสนใจในการทำกำไรและกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน

การเล่นตลาด Gold Future ทำการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ บ้านเราก็คือ TFEX นี่เอง TFEX จะเป็นคนกำหนดกฏเกณฑ์การซื้อขาย คอยจัดการดูแลให้ผู้เกี่ยวข้องในตลาด ปฏิบัติตามสัญญา ตลาดนี้มีลักษณะอีกอย่างที่เรียกว่า zero sum games นะครับ มีคนได้มีคนเสียเท่าๆกันเสมอ
ซื้อ Gold Futures ต่างอะไรกับทองคำจริงๆบ้าง ทองคำจริง อยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อได้ ซื้อแล้วเอามานอนกอดได้ ขาดทุนยิ่งต้องกอดมันไว้นานๆ แต่ซื้อทองคำ Futures จะมีคนมาสะกิดคุณทุกวันว่า วันนี้ กำไรหรือขาดทุน ยิ่งขาดทุน ยิ่งเครียด เพราะจะถูกสะกิดให้เติมเงินเข้าไปในบัญชี หากยังอยากถือไว้

Gold Futures มีข้อกำหนดหลักๆ คือมันเป็นสัญญาจะซื้อ/จะขายทองคำ โดย 1 สัญญาจะเท่ากับ 50 บาท โดยการซื้อ ใช้แค่เงิน 10% เสียเงินค่าคอมมิชชั่นขั้นต้น 450 บาท + Vat 7% หรือ 481.50 บาท ตีมั่วๆง่ายๆ ก็ 500 บาทซะ ไปกลับประมาณ 1000 เท่ากับ 1 บาท คุณมีต้นทุนแล้ว 20 บาท ซึ่งยังถูกกว่าส่วนต่างของราคาสมาคม 5 เท่า (สมาคม 100 บาท) แปลว่า คุณมีโอกาสในการใช้เงินที่เคยซื้อทองคำได้แค่ 5 บาท มาซื้อทองคำ Gold Futures ได้ถึง 50 บาท และมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเดิม 10 เท่า พร้อมๆกับส่วนต่างที่น้อยลงไปอีกบาทละ 80 บาท

ข้อดีที่ชัดๆของ Gold Futures ที่ผมเห็น คือโอกาสในการขายก่อน หรือเล่นในตลาดช่วงขาลง กรณีไม่มีของอยู่ในมือ ซึ่งทองคำของจริง หรือ KGOLD หรือ TMBGOLD ไม่สามารถทำได้ ได้แต่รออย่างเดีย แต่อย่าเพิ่งนอนใจนะครับ นั่นเป็นด้านดีที่ทำให้คนเข้าสู่ตลาดจนลืมด้านไม่ดี คือมันสามารถพาคุณขาดทุนได้เพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าด้วยเหมือนกัน

ที่มา thaifxtrading

4. การลงทุนแบบ Gold spot (แนะนำ)

Gold Spot คือ สัญญาซื้อขายราคาทองคำในตลาดโลก ที่สามารถซื้อ-ขายได้ทันที โดยผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินทั้งจำนวน แค่วางเงินส่วนหนึ่งไว้กับโบรกเกอร์ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อเป็นเงินมัดจำ หรือเรียกว่า เงินหลักประกันขั้นต้น (Initial Margin)

โดยที่เราจะเน้นทำกำไร จากส่วนต่างของการซื้อขายราคาทองในตลาดโลก โดยราคาทองจะมีหน่วยเป็นเงินดอลล่าร์ (USD) ต่อน้ำหนัก 1 ออนซ์ (Ounce) โดยที่ราคาทองจะวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ โดยมีแรงซื้อขายจากตลาดทั่วโลก ซึ่งสามารถทำการซื้อขายทองคำด้วยพอร์ทลงทุนของผู้เล่นเอง และสามารถทำกำไรได้ทั้งที่ภาวะราคาทองขาขึ้นและราคาทองขาลง ด้วยคุณลักษณะเด่นที่สามารถซื้อก่อนขายหรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อย

การเล่น Gold spot สามารถทำการเล่นโดยผ่านโปรเกอร์ (Broker) หรือบริษัทตัวแทนการซื้อขาย ของท่างต่างประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนทองคำชาวไทย ก็สามารถสมัครเปิดบัญชีเพื่อเทรด Gold spot กับทางบริษัทตัวแทนได้ บริษัทตัวแทนการซื้อขายที่เราแนะนำในที่นี้คือ AvaFx.com เนื่องจากมีค่า spread ที่ค่อนข้างต่ำ การฝากเงินไม่ยุ่งยาก (สามารถใช้บริการฝากเงินผ่านทางเว็ปไซด์ของเรา) และการถอนเงินก็สามารถถอนผ่านบัตร AvaFx Debit Master Card ของทางบริษัทจากตู้ ATM ทั่วโลกได้ หรือสามารถฝากถอนเงินผ่านบัตรเครดิตด้วยตัวท่านเอง หรือจะใช้บัตร K-cyber banking ในการฝากและถอนเงินเข้าบัญชีเทรดได้เช่นกัน ตลอดจนการใช้บัญชี Paypal ในการฝากถอนเงินก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเทรดกับบริษัทตัวแทน AvaFx
Back To Top